ทำได้ กับ ทำไม่ได้ ต่างกันตรงไหน
ต่างกันตรงที่ "ความเชื่อ" แค่นี้จริงๆ
ข้อเท็จจริง
ก่อนหน้าปี 2507 นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ มนุษย์จะวิ่ง 1 ไมล์ โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที เพราะหลักวิทยาศาสตร์บอกว่า สิ่งที่เกินขีดจำกัดของมนุษย์ "เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้" และก็ไม่มีใครวิ่งได้เร็วกว่านั้นเลยจริงๆ
แต่แล้วในเดือน พฤษภาคม 2507 โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ สามารถ วิ่ง 1 ไมล์ โดยใช้เวลาแค่ 3 นาที 59 วินาที
เหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์ที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลกว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการกีฬาโลก
ที่น่าตกใจคือ จากนั้นอีกไม่นานก็มีคนทำลาย สถิติของ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ อีกเป็น 10 เป็น 100 เป็น 1000 คน .... จนในปัจจุบัน วิ่ง 1 ไมล์ใน 4 นาที ถือเป็นเวลา มาตรฐานของการวิ่งระยะนี้ไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ??? การคัดเลือกทางธรรมชาติงั้นหรือ? หรือเป็นเพราะวิทยาศาสตร์การกีฬาพัฒนาขึ้นอย่างมาก แบบก้าวกระโดด
ที่จริงเป็นเพราะมีสิ่งหนึ่งได้ถูก"ทำลาย"ลงไป นั่นก็คือ "ความเชื่อที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ (Limiting Believe)"
-----------------
เพราะพี่น้องตระกูลไร้ท์ "เชื่อ"ว่าคนจะบินได้ เราเลยมีเครื่องบิน
เพราะเอดิสัน "เชื่อ" ว่ามันจะสว่าง เราเลยมีหลอดไฟ
เพราะบิล เกตส์ "เชื่อ" ว่าทุกๆ บ้านต้องมี computer เราเลยมีวันนี้
-----------------
คนสำเร็จ "เชื่อ" ในความจริงใหม่ (ที่ยังไม่เกิด) และมั่นใจว่า "มันเป็นไปได้"
ทำให้มี "พฤติกรรม" แบบใหม่ๆ
ส่งผลให้มี "ผลลัพธ์" แบบใหม่ๆ
ในขณะที่คนแพ้ เชื่อแต่ในความจริงเดิมๆ
ส่งผลให้มี "พฤติกรรม" แบบเดิมๆ
และได้ "ผลลัพธ์" แบบเดิมๆ
สรุป
แค่ "เชื่อ" ว่า "เป็นไปได้" ทุกอย่างเราทำได้แน่นอน!
เครดิต: เรื่องโรเจอร์ แบนนิสเตอร์ จากหนังสือ ต้องเป็นที่ 1 ให้ได้ - บัณฑิต อึ้งรังษี